jantima
วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ความรู้เรื่องดี
1.ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาวขัดสี ควรรับประทานเป็นประจำ หรือผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ก็ได้
2.การได้รับประทานสาหร่ายทะเลทั้งสดและแห้งพร้อมทั้งใช้เกลือทะเลมาปรุงลงในอาหาร ทั้ง 2 อย่างนี้มีไอโอดีน ซึ่งสามารถป้องกันโรคคอพอกได้เป็นอย่างดี
3.งาขาวและงาดำ ในอาหารและขนมคนกินเจควรใช้งาปรุงผสมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงาขาวหรืองาดำ เพราะในเมล็ดงามีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งจำเป็นต่าร่างกายมาก แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้สำหรับผู้ทำอาหารเจรับประทานเอง ให้นำงาขาวมาล้างเอาผงฝุ่นออกจนสะอาดดี ตักใส่ตะแกรงทิ้งไว้ให้หมาดแล้วใช้ไฟอ่อนๆ คั่วในกระทะจนสุกเหลือง พอเย็นจึงนำมาโขลกหรือปั่นให้แตกด้วยเครื่อง จะทำให้ได้ประโยชน์จากน้ำมันที่อยู่ในเมล็ดดียิ่งขึ้น งาที่บดแล้วจะมีกลิ่นหอมสามารถนำใช้ปรุงอาหาร และขนมได้ทุกประเภท ทำให้มีรสดี หอมน่ารับประทานโดยปกติผู้ที่กินเจควรรับประทานงาในประมาณวันละ 2 ช้อนโต๊ะก็นับว่าเพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย
4.อาหารเจไม่ควรปรุงรสจัดเกินไป เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด ขมจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด รสชาติที่จัดมากๆ จะส่งผลไม่ดีต่ออวัยวะหลักภายในร่างกาย
5.หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหมักดอง เช่น ผักดองผลไม้ดอง เครื่องกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ควรหันมารับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่ๆ จะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
6.เครื่องดื่ม คนกินเจควรดื่มน้ำผลไม้สดๆ ตามธรรมชาติ เช่น น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ น้ำสับปะรด น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก น้ำมะตูม ฯลฯ
น้ำผลไม้ดังกล่าวจะทำให้ร่างกายและผิวพรรณสดชื่นเปล่งปลั่ง เราควรงดน้ำหวานที่ปรุงแต่งรสและเจือสีสังเคราะห์เพื่อหลีกเลี่ยงพิษภัยจากสิ่งปนปลอม
นอกจากการดื่มน้ำผลไม้สดๆแล้ว ทุกคนต้องดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้ว เป็นประจำ
2.การได้รับประทานสาหร่ายทะเลทั้งสดและแห้งพร้อมทั้งใช้เกลือทะเลมาปรุงลงในอาหาร ทั้ง 2 อย่างนี้มีไอโอดีน ซึ่งสามารถป้องกันโรคคอพอกได้เป็นอย่างดี
3.งาขาวและงาดำ ในอาหารและขนมคนกินเจควรใช้งาปรุงผสมด้วยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงาขาวหรืองาดำ เพราะในเมล็ดงามีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งจำเป็นต่าร่างกายมาก แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้สำหรับผู้ทำอาหารเจรับประทานเอง ให้นำงาขาวมาล้างเอาผงฝุ่นออกจนสะอาดดี ตักใส่ตะแกรงทิ้งไว้ให้หมาดแล้วใช้ไฟอ่อนๆ คั่วในกระทะจนสุกเหลือง พอเย็นจึงนำมาโขลกหรือปั่นให้แตกด้วยเครื่อง จะทำให้ได้ประโยชน์จากน้ำมันที่อยู่ในเมล็ดดียิ่งขึ้น งาที่บดแล้วจะมีกลิ่นหอมสามารถนำใช้ปรุงอาหาร และขนมได้ทุกประเภท ทำให้มีรสดี หอมน่ารับประทานโดยปกติผู้ที่กินเจควรรับประทานงาในประมาณวันละ 2 ช้อนโต๊ะก็นับว่าเพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย
4.อาหารเจไม่ควรปรุงรสจัดเกินไป เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด ขมจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด รสชาติที่จัดมากๆ จะส่งผลไม่ดีต่ออวัยวะหลักภายในร่างกาย
5.หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหมักดอง เช่น ผักดองผลไม้ดอง เครื่องกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ควรหันมารับประทานอาหารสดที่ปรุงใหม่ๆ จะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า
6.เครื่องดื่ม คนกินเจควรดื่มน้ำผลไม้สดๆ ตามธรรมชาติ เช่น น้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ น้ำสับปะรด น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบก น้ำมะตูม ฯลฯ
น้ำผลไม้ดังกล่าวจะทำให้ร่างกายและผิวพรรณสดชื่นเปล่งปลั่ง เราควรงดน้ำหวานที่ปรุงแต่งรสและเจือสีสังเคราะห์เพื่อหลีกเลี่ยงพิษภัยจากสิ่งปนปลอม
นอกจากการดื่มน้ำผลไม้สดๆแล้ว ทุกคนต้องดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8 แก้ว เป็นประจำ
วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ต้องทำยังงัย
แต่ละวันรู้สึกเหนื่อยมาก มัยรู้จะทำยังงัย ถึงจะรู้สึกดีดี แต่ถ้าเหนื่อยมากก้อมีกำลังใจ
ดีดีจากคนบางคนทำหั้ย รู้สึกดีมาก และสนุกที่สุด ที่อยู่ข้างกันตลอด
ทำหั้ยมัยรู้สึกเหนื่อยเลย พอได้กำลังใจมา...........................
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)